อาหารญี่ปุ่น แสนอร่อย ถูกใจหลายๆคน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอกไม้.gif เคลื่อนไหว

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แกงกระหรี่

แกงกระหรี่

แกงกระหรี่ญี่ปุ่น หลายๆคนคงเคยได้ลองทำกินกันมามั่งแล้ว เรื่องของเรื่องคือ มันทำง่ายและอร่อย สูตรแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยบ้างใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติเพิ่มเข้าไป บ้างก็ใส่ช๊อคโกแลตนมเข้าไปทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและเข้มขึ้นมา บางคนใส่ผลไม้เข้าไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่หวานตามธรรมชาติค่ะ มาเริ่มลงมือทำกันเลย


ส่วนประกอบและเครื่องปรุงแกงกระหรี่ญี่ปุ่น
– เนื้อหมูสันคอ 250 กรัม (เนื้อสัตว์สามารถเปลี่ยนได้ตามความชอบ)
– เครื่องแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชนิดเผ็ดที่สุด 5 ก้อน (หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป)
– หัวหอมใหญ่ 2 หัวขนาดกลาง
– แครอท 1 หัวใหญ่
– มันฝรั่ง 2 หัวกลาง
– แอ๊ปเปิ้ลเขียว 1/2 ผล
– กล้วยหอม 1 ผลเล็ก
– น้ำซุป 7 ถ้วย
– พริกขี้หนูแห้งคั่วบด
– เกลือป่น
– พริกไทยดำป่น
ส่วนผสมและเครื่องปรุงหมูชุบเกล็ดขนมปังทอด
– เนื้อหมูสันคอ 200 กรัม (เนื้อสัตว์สามารถเปลี่ยนได้ตามความชอบ)
– ซีอิ๊วญี่ปุ่น, เกลือป่นนิดหน่อย
– นมสด
– พริกไทยป่น
– ผงขนมปังป่นชนิดเกล็ดกลาง 1 ถ้วย
– ไข่ไก่ 1 ฟอง
– แป้งชุบทอด 1/4 ถ้วย

ขั้นตอนและวิธีทําแกงกระหรี่ญี่ปุ่น
1. นำก้อนแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชนิดเผ็ดที่สุด 5 ก้อนมาหั่นไว้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อเวลานำเครื่องแกงใส่หม้อแล้วจะละลายง่าย
2. นำเนื้อสัตว์มาล้างให้สะอาด แล้วก็เอาเอามาหั่นให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ประมาณ 1 * 1 ซม. (เวลาเราเอาไปตุ๋นหรือเอาไปเคี่ยวเนี่ย จะเปื่อยนุ่ม กินแล้วอร่อยค่ะ) ไม่ต้องหั่นทั้งหมดนะคะ เหลือไว้สำหรับทอดกรอบด้วยค่ะ
3. ต่อมานำหอมใหญ่มาปอกเปลือก ล้าง ผ่าครึ่งลูกตามยาว แล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนแครอทนำมาปอกเปลือก ล้าง หั่นเป็นแผ่นหนาสัก 1 ซม. แล้วก็หั่นแต่ละแผ่นให้เป็นแท่ง แล้วก็ค่อยหั่นให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าค่ะ ต่อมาก็เป็นมันฝรั่งนะคะ ก็ทำแบบเดียวกับแครอทเลยค่ะ (ตอนที่หั่นเสร็จแล้ว หากเรายังไม่ได้เอาไปแกงทันที ให้เราล้างด้วยน้ำเกลือ (น้ำ 1 ถ้วย เกลือ 1 หยิบมือ) ไว้สักหน่อย ผิวนอกของมันฝรั่งจะได้สีไม่หม่น)
4. ทำการเตรียมผลไม้คือกล้วยหอมกับแอ๊ปเปิ้ลค่ะ นำทั้งสองอย่างนี้ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หน่อย แล้วก็เอาไปสับหรือบดหยาบๆรวมกัน
5. เริ่มลงมือทำกันเลย หลังจากเตรียมเครื่องต่างๆครบแล้ว นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไปในกระทะประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่เนื้อหมูที่เราหั่นไว้ลงไป แล้วก็ผัดๆ ไปจนกระทั่งหมูเกือบสุกค่ะ (สังเกตว่าจะมีน้ำมันออกมาจากหมูนิดหน่อยด้วย)
6. พอหมูเกือบจะสุก ก็ใส่หอมใหญ่ลงไป ผัดไปเรื่อยๆจนกระทั่งหอมใหญ่สุกใส นิ่ม และส่งกลิ่นหอมหวาน (ตอนแรกจะกลิ่นฉุนก่อน พอผัดไปสักพัก จะเป็นกลิ่นหอมๆ หวานๆ แทน) จากนั้นใส่แครอทกับมันฝรั่งลงไป และก็ผัดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันฝรั่งดูเงาๆ ใสๆ
7. ตักทั้งหมดที่อยู่ในกระทะ ใส่หม้อแล้วก็ใส่กล้วยกับแอ๊ปเปิ้ลที่เราสับหยาบๆ ไว้แล้วลงไป จากนั้นเติมน้ำซุปประมาณ 7 ถ้วย แล้วก็ตั้งไฟอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆ  ประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างตั้งเคี่ยวก็ให้หมั่นคนเป็นระยะๆ เพราะจะมีบางส่วนที่นอนก้นหม้อ หากไม่คนจะทำให้ส่วนผสมที่ติดก้นหม้อไหม้ได้
8. พอครบ 1 ชั่วโมง ส่วนผสมที่เคี่ยวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู มันฝรั่ง แครอท ก็จะสุกนุ่ม เปื่อยได้ที่ (ถ้าใช้เวลาเคี่ยวมากกว่านี้  ผักและหมูต่างๆจะเป็นเนื้อเดียวกับน้ำแกง) จากนั้นเทแกงกะหรี่ก้อนที่เตรียมใส่ลงไป คนจนกระทั่งเครื่องแกงที่เป็นก้อนละลายจนหมด
9. ถึงตรงนี้ให้เราตักน้ำแกงกระหรี่ขึ้นมาชิม ว่ารสชาติเป็นยังไง เพราะบางคนอาจจะใช้ไฟแรงในการเคี่ยว ทำให้น้ำแกงเหลือน้อยมาก หากเติมเครื่องแกง 5 ก้อน น้ำแกงที่ได้อาจจะเข้มข้นจนเกินไป  หรือบางคนอาจจะใช้ไฟอ่อนมาก ทำให้หลังจากเคี่ยวไปครบชั่วโมงแล้ว น้ำแกงยังเหลืออยู่เยอะ เมื่อเติมเครื่องแกงปริมาณเท่ากัน  รสชาติก็เลยยังจะใสๆ อันนี้ต้องลองชิมของแต่ละคนดูนะคะ
10. บางคนอาจชอบแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่รสจัดหน่อยจากที่ชิมดู สามารถเติมพริกไทยป่น พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น กับเกลือป่น (ไอโอดีน) ลงไปสักหน่อย พอเติมเสร็จแล้ว ก็คนให้เข้ากัน ชิมอีกรอบ เมื่อชิมรสได้ที่แล้ว ก็รอให้เดือดอีกครั้ง … ปิดไฟเตา และยกลงค่ะ

ขั้นตอนและวิธีทําหมูชุบเกล็ดขนมปังทอด
1. ต่อมาเราจะต้องมาทำหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดกันก่อนค่ะ ใช้หมูที่เหลือไว้จากขั้นตอนที่ 2 ได้เลยนะคะ นำมาแล่ให้เป็นชิ้นหนาประมาณ 3/4 ซม.
2. พอแล่เสร็จ ก็เอาฆ้อนทุบหมู ทุบเบาๆ เพื่อให้หมูมีความนุ่มขึ้น แล้วก็นำไปหมักกับซีอิ๊วญี่ปุ่น พริกไทยป่น นมสด และเกลือนิดหน่อย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
3. พอหมักหมูครบ 30 นาทีแล้ว ก็เอาออกมาจากตู้เย็น และก็มาเตรียมเครื่องที่เราจะใช้ชุบหมูทอด
4. ตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันลงไปเยอะหน่อย ใช้ไฟกลางๆ พอน้ำมันเริ่มร้อน หยิบหมูมาคลุกแป้ง ชุบไข่ คลุกเกล็ดขนมปังให้ทั่วทั้งสองด้าน สลัดเบาๆให้เกล็ดขนมปังส่วนเกินหลุดออก
5. นำลงไปทอดในกระทะ ซึ่งตรงนี้ให้ระวังเรื่องไฟและความร้อนของน้ำมันด้วยค่ะ (หากเราใช้ไฟแรง + น้ำมันน้อย จะทำให้น้ำมันมีความร้อนจัด เมื่อเราใส่หมูลงไป หมูอาจจะเหลืองเกรียมก่อนที่ข้างในจะสุก แต่ถ้าหากเราใส่น้ำมันเยอะ แต่ไฟอ่อนเกินไป กว่าหมูของเราจะสุก หมูเราอาจจะอมน้ำมัน ซึ่งตรงนี้ให้ดูเรื่องไฟกับปริมาณน้ำมันให้ดีค่ะ)
6. ทอดไปสักระยะ พอหมูเหลืองดีทั้งสองข้างแล้ว ก็ให้ช้อนขึ้นพักไว้บนตะแกรง เพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
7. สุดท้ายตักข้าวใส่จาน สับหมูชุบแป้งทอด 1 ชิ้น ให้เป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วเอาวางโปะลงบนข้าว  ราดด้วยผักเนื้อพร้อมน้ำแกงกะหรี่ที่รสชาติเข้มข้น พร้อมรับประทานแล้วค่ะ

ข้าวห่อไข่

ข้าวห่อไข่
ถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่น ทุกคนก็คงนึกถึงซูชิ หรือไม่ก็เทมปุระ ไม่ค่อยมีใครนึกว่าอาหารญี่ปุ่นจะมีอาหารสไตล์ฝรั่งด้วย หนึ่งในนั้นที่ขอบอกว่าอร่อยไม่แพ้กันเลย
คือ ข้าวห่อไข่ (オムライス:Omuraisu)
ทีนี้ทุกๆคนคงร้องอ๋อกันแล้วใช่ไหมว่า รูปด้านบนน่ะไม่ใช่”ทุเรียน” แต่คือ”ไข่”นั่นเอง แต่ละร้านก็จะมีสไตล์เฉพาะตัว เรามาดูเทคนิคการทำข้าวห่อไข่ของร้าน 「KICHIKICHI」ซึ่งเป็นร้านอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นจากเมืองโกเบซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอาหารฝรั่งว่าเขามีเทคนิคในการทำอย่างไร


วิธีทำ
1. เครื่องปรุงประกอบด้วย หอมซอย 30 กรัม, เห็ดหอมสดสไลด์บางๆ 1 หัว, เนื้อไก่หั่นเต๋าประมาณ 1 เซ็น 30 กรัม ทีนี้ก็มาเริ่มลงมือกันเลยนำเนย 10 กรัมลงผัดในกระทะตั้งไฟร้อน พอเนยละลายตามด้วยหอมซอย ตามด้วยเนื้อไก่และเห็ดหอมสด
2. ผัดเครื่องให้เข้ากันจนหอมซอยเริ่มสุกนิ๊ดๆ ก็ใส่ซอสมะเขือเทศประมาณ 2 1/2ช้อนโต๊ะ และตามด้วยข้าวสวย 60 กรัม และไวน์ขาว 2/3 ช้อนโต๊ะ เหยาะเกลือและพริกไทยเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดไฟพักไว้
3. ตอกไข่ 3 ฟองลงในชาม ตีให้เข้ากัน เหยาะเกลือและพริกไทย นำกระทะเปล่าตั้งไฟพอร้อนใส่น้ำมันและเนย 10 กรัม จนน้ำมันร้อนใช้ไฟพอปานกลาง เทไข่ที่ตีไว้แล้วลงในกระทะ กลิ้งกระทะให้ไข่กระจายเป็นแผ่น ใช้ตะเกียบหรือตะหลิวเกลี่ยให้ไข่หนาเท่าๆกัน
4. เมื่อไข่เริ่มสุกปานกลาง นำข้าวที่ผัดไว้แล้วมาเทใส่ลงในไข่ให้อยู่ขอบด้านใดด้านหนึ่ง แล้วผลิกขอบไข่อีกด้านมาปิด
5. หลังจากนั้นก็เริ่มม้วนไข่เพื่อห่อเครื่องให้อยู่ด้านใน โดยกระดกกระทะช่วยจะทำให้ห่อได้สวยงาม
6. ห่อได้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จพิธี นำเทใส่จานโดยให้ด้านหลังแผ่นไข่ขึ้นโชว์ด้านบน จัดให้สวยงามน่ารับประทาน ราดซอสมะเขือเทศลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ
เริ่มแรกก็ทำข้าวผัดก่อน สูตรที่ร้านเป็นสูตรไม่ใส่ซอสมะเขือเทศ


 แล้วเชฟก็กำลังเตรียมไข่อยู่ด้านหลัง

 แล้วก็เอาไข่ที่ทำเสร็จแล้วโดยมีลักษณะเป็นก้อนมาวางบนข้าวผัดที่เตรียมไว้

 ผ่าครึ่งก้อนไข่จากทางด้านบน… จังหวะนี้แหละ!!
เนื้อไข่ด้านในที่สุกกำลังดี ก็ทะลักออกมาเหมือนลาวา น่ากินจริงๆ!



มากิ ซูชิ

มากิ ซูชิ
 มากิ ซูชิ (Maki Sushi) เป็น ซูชิ ที่มีข้าวและไส้ต่างๆ อยู่ในสาหร่ายทะเลค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า อุปกรณ์สำคัญคือ แผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ นั่นเอง เตรียมเรียบร้อยแล้วก็ไปเตรียมเครื่องปรุงกันค่ะ
เครื่องปรุง
1.ข้าวซูชิ
2.สาหร่ายทะเลแผ่นใหญ่
3.แตงกวา หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่ต้องการนำมาทำเป็นไส้

วิธีทำ
1.วางสาหร่ายแผ่นใหญ่ลงบนแผ่นไม้ไผ่
2.วางข้าวซูชิแผ่ลงบนสาหร่าย ค่อยๆ ไล่ให้กระจายออกจากซ้ายไปขวา ให้เหลือพื้นที่ส่วนบนและล่างของสาหร่าย ประมาณ 1 นิ้ว
3.วางส่วนผสม เช่น แตงกวา ไข่ เพื่อจะทำเป็นไส้ ลงบนข้าว หรือจะใส่วาซาบิลงไปด้วยก็ไม่ว่ากัน
4.ค่อยๆ ยกมากิซูชิ และม้วนไปตามแผ่นไม้ไผ่ โดยใช้นิ้วชี้จับแผ่นไม้ไผ่ให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวหก
5.บิดไม้ไผ่อีกครั้ง ก่อนจะเอาออกจากซูชิ
6.ตัดซูชิ ให้ได้ขนาดพอดีคำค่ะ และควรเช็ดมีดด้วยผ้าเปียกก่อน เพื่อจะได้ตัดได้ง่ายขึ้น




โอโคโน มิยากิ

โอโคโน มิยากิ


วัตถุดิบและสัดส่วน
แป้งโอโคโนมิยากิ 2 ถ้วย
กะหล่ำปลีซอยละเอียด 2 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
อาหารทะเลเช่นกุ้ง ปลาหมึก หั่นเล็กๆ ตามฐานะ
แป้งจากการทอดแป้งโกกิฝอยๆ 1 ถ้วย
เส่นยากิโซบะเล็กน้อย
เครื่องปรุง
ซอสโอโคโนมิยากิ
มายองเนส
สาหร่ายหั่นฝอย
ปลาแฆ้ง


ขั้นตอนการปรุง
1. เอาแป้งโอโคโนมิยากิผสมน้ำเล็กน้อย ตอกไข่ใส่ คนให้พอข้นๆและแป้งหมดเม็ด
2.เอาอาหารทะเล กะหล่ำปลีหั่นฝอย แป้งกรอบ เส้นยากิโซบะ ใส่ในแป้งข้อ 1 คนให้เข้ากันจะมีน้ำออกจากผักเล็กน้อย
3.ตั้งกระทะไฟกลางใส้น้ำมันเล็กน้อย ถ้าทอดบนกระทะเทฟล่อนจะสะดวกค่ะ เทส่วนประกอบลงไปประมาณครึ่งนึงก่อนให้หนาๆเข้าไว้ประมาณ 2เซน
4.ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขงกระทะนะคะ รอให้แป้งด้านบนแผ้งๆปุดๆหน่อยแสดงว่าข้างในใกล้สุก ใช้ตะหลิวสองอันชาวยกันพลิกกลับด้าน




ข้าวหน้าปลาดิบ

ข้าวหน้าปลาดิบ

เมื่อพูดถึงรายการข้าวของร้านซูชิ ก็ไม่พ้นเมนู บาระจิราชิ หรือข้าวหน้าปลาดิบรวม ซึ่งประกอบไปด้วยของทะลมากมายหลากหลายชนิดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว อาหารทะเลแต่ละอย่างที่นำมาปรุงรส เกิดความหลากหลายในรสชาติอาหาร ความอร่อยและความสดจากอาหารทะเล นำมาวางบนข้าวซูชิร้อนที่ปรุงรสมาเป็นอย่างดี นี่คือสุดยอดเมนูอาหารที่รวมความอร่อยแบบ all star




 อาหารทะเลสดที่นิยมนำมาวางบนข้าวในเมนู บาระจิราชิ ได้แก่
ปลามากุโร่ราดซอส
ปลาเนื้อขาว 2 ชนิด หมักซอส
ปลาฮิราเมะ
หอย ปลาหมึก
กุ้งนึ่ง
อิกุระ (Ikura) หรือไข่ปลาแซลมอน
หอยเม่น
สำหรับสุดยอดเมนูบาระจิราชิแล้ว ปลาเนื้อขาวที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ ปลาชิมะอาจิ (Shima Aji) มาตามล่าปลาชิมะอาจิกันที่เกาะมิยาเกะ ประเทศญี่ปุ่นกัน




กุ้งเทมปุระ

กุ้งเทมปุระ

กุ้งเทมปุระ อาหารญี่ปุ่นของโปรดของหลายๆ คน สังเกตุจากเวลาไปกินบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
กุ้งเทมปุระเป็นสิ่งที่จะหมดอย่างแรกๆ เลยค่ะ เราว่าเพราะความกรอบของแป้ง กับน้ำจิ้มรสหวานๆ
เนื้อกุ้งสดหวานทำให้เมนูนี้เป็นเมนูโปรดของหลายๆ คน


วัตถุดิบและสัดส่วนแป้งเทมปุระ1. แป้งสาลี 1 ¼ ถ้วย
2. ไข่แดง 2 ฟอง
3. น้ำเย็น 2 ถ้วย
กุ้งเทมปุระ1. กุ้งกุลาดำตัวกลางๆ 8 – 10 ตัว2. แป้งเทมปุระที่ผสมเสร็จแล้ว 1/ 2 ถ้ว3. แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ4. หัวไชเท้าขูดหรือซอยเป็นฝอยๆ 1 ช้อนโต๊ะ5. ขิงแก่ขูด 1 ช้อนชา6. น้ำมัน สำหรับทอด

ขั้นตอนการปรุง
1. กุ้งล้างให้สะอาดแกะเปลือก เด็ดหัวออก ผ่าหลังเอาเส้นดำออก บั้งท้องกุ้งตามแนวขวาง จากนั้นดัดให้ตัวกุ้งตรง
2. ผสมไข่แดงกับน้ำเข้าด้วยกัน ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน จากนั้น ค่อย ๆ เทแป้งใส่ลงไป ใช้ตะเกียบคนพอเข้ากัน
3. นำกุ้งไปคลุกกับแป้งสาลี พักไว้ ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไป พอน้ำมันร้อน นำกุ้งที่คลุกกับแป้งสาลีแล้ว จุ่มลงไปในแป้งเทมปุระ ใส่ลงไปทอดในน้ำมัน จากนั้นให้ใช้มือจุ่มลงไปในแป้ง แล้วนำมาโรย(สะบัด) ลงบนตัวกุ้ง
4. ทอดจนมีสีเหลืองสวย (สีเหลืองนวล สีเหลืองอ่อนๆ) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานกินกับหัวไชเท้าและขิงขูด พร้อมด้วยน้ำจิ้มเทมปุระ


ราเมง ทงคัสสึ

ราเมง  ทงคัสสึ 

มารู้จัก ราเมง (ら-メン) ในสไตล์ญี่ปุ่นกันก่อน
ราเมง” เป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าฝั่งตะวันตกยกให้แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารจานด่วน ที่ญี่ปุ่นก็ต้องยกให้ราเมงเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าแฮมเบอร์เกอร์ ที่ญี่ปุ่นจึงมาร้านราเมงพุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด พอ ๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านเราเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละแห่งก็มักจะมีสูตรน้ำซุปที่เป็นสุดยอดเคล็ดลับของแต่ละร้าน

การจะทำราเมงให้อร่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุปจากกระดูกเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือบางแห่งอาจนานถึง 8 ชม. เลยทีเดียว เพราะรสชายหลักของราเมงนั้นจะแตกต่างกันก็ตรงน้ำซุปนี่แหละ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าน้ำซุปของราเมงนั้นจะอร่อย หวาน กลมกล่อมแค่ไหน และทำไมนั่งกินราเมงแล้วถึงไม่มีเครื่องปรุง เหมือนไปนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวเหมือนบ้านเรา ที่ต้องใส่พริงหนึ่งช้อน น้ำส้มสายชูสองช้อน น้ำตาลครึ่งช้อน เรียกได้ว่าถ้ากินราเมงก็ไม่ต้องปรุงเพิ่มแต่อย่างใด หากเผลอไปปรุงเข้าอาจจะโดนเจ้าของร้านค้อนให้ได้ เพราะฉะนั้นอย่างที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้วว่าน้ำซุปของแต่ละร้านจะมีรสชาดแตกต่างกัน มีทั้งน้ำซุปที่เคี่ยวจากกระดูกไก่ , กระดูกหมู, ปลาซาดีน หรือ (niboshi) นอกจากนั้นยังมีน้ำซุปที่ปรุปจากสาหร่ายนานาชนิด น้ำซุปจากผักต่าง ๆ เช่น หัวผักกาด ขิง กระเทียม ต้นหอม และเห็ด


เราสามารถจำแนกราเมง ได้ 4 แบบด้วยกัน คือ
1. Shio Ramen น้ำซุปที่เกลือเป็นส่วนผสม
2. Shoyu Ramen น้ำซุปที่ใช้ซอสถั่วเหลืองเป็นส่วนผสม สีออกน้ำตาล หรือใส
3. Tonkotsu Ramen น้ำซุปที่ทำจาก กระดูกหมู ซุปจะมีสีขาวเหมือนน้ำนม
4. Miso Ramen น้ำซุปที่เคี่ยวจากเต้าเจี๊ยว ซุปนั้นจะได้น้ำซุปสีออกน้ำตาลมีกลิ่นหอมของเต้าเจี๊ยว บางแห่งน้ำซุปจะใส


โดยทั่วไปราเมงก็จะมี negi (ต้นหอม), shinachiku (หน่อไม้), nori (สาหร่าย), yakibuta (หมูแฮมหมัก), ไข่ต้ม เป็นต้น แต่ราเมงในเมนูตามร้านราเมงนั้นมักจะตั้งชื่อตามหน้าราเมง หรือตั้งตามท๊อปปิ้งที่ใส่ไว้บนราเมง เช่น
* Chashumen: เป็นรางเมงที่จะมีเนื้อหมูที่ผ่านการหมักและย่างมาแล้ว มีรสชาติดีและมีกลิ่นหอม หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ
* Tanmen: ราเมงสารพัดผักไม่ว่าจะเป็น ต้นหอม หน่อไม้ สาหร่าย
* Wonton ramen: ราเมงที่มีหน้าเป็นเกี๊ยวไส้ต่าง ๆ
* Champonmen : ราเม็งหน้ารวม
* Hiyashichuka : ราเม็งเย็น
* Tonkatsu ramen : ราเม็งหน้าหมูทอด
* Tongarashimiso ramen : ราเม็งต้มยำพริกญี่ปุ่น


เครื่องปรุงสำหรับน้ำซุปมีดังนี้– กระดูกขาหมู (Pork Knuckle Bone) หรือจะเป็นกระดูกหน้าแข้งหมู+หัวหมู ก็ได้
– กระเทียมปอกเปลือก หั่นครึ่งฅ
– ต้นหอมญี่ปุ่น ส่วนที่เป็นใบเขียวๆ
– ขิงหั่นเป็นแผ่นใหญ่ๆ
– หอมใหญ่ ปอกเปลือก หั่นครึ่ง


เครื่องปรุงสำหรับ Tsuketamago (Nitamago)ก็มี 3 อย่างครับ
1. ปลาโอแห้งขูด (Katsuobushi)
2. Shoyu
3. Mirin
Shoyu : Mirin ในอัตราส่วน 1:1 ถ้าไม่มี Mirin ให้ใช้น้ำตาลแทนครับ นำ Shoyu + Mirin ไปต้ม ให้พออุ่นๆ หรือ พอให้ Alcohol ระเหย ใส่ปลาโอแอง แล้วจากนั้นก็ทิ้งไว้ให้เย็นครับ ……………. หรือมีวิธีง่ายกว่านั้นอีก ก็คือเอา ซอส Teriyaki สำเร็จรูปตาม Supermarket มา แล้วนำมาผสมกับปลาโอแห้งอย่างเดียวก็เป็นอันเสร็จ ซอสหมักไข่